บทที่ 133 : ภาพที่งดงาม
สำนักจันทร์สลาย ภายในภูเขาที่เต็มไปด้วยม่านหมอกได้ปรากฏสิ่งก่อสร้างสีครามพร้อมด้วยพืชพรรณนานาชนิดรอบด้าน
“ไป ไป!”
สีหน้าของกวานเฉินนั้นหม่นหมองพร้อมกับที่เขาส่งฝูงนกใกล้ๆ ให้บินจากไปด้วยการโบกมือ
อารมณ์ของเขาไม่ดีเท่าใดนัก ตั้งแต่ที่จ้าวเฟิงกลายเป็นศิษย์สายนอกอันดับหนึ่ง แผนของเขาในการกดขี่ศิษย์ของเจ้าเมืองกว่านจวินก็กลายเป็นมีปัญหาไป
ในด้านของความแข็งแกร่ง จ้าวเฟิงได้เหนือกว่าศิษย์สายนอกทั้งหมด และในด้านของผู้หนุนหลัง เด็กหนุ่มก็ยังมีสองรองหัวหน้าตำหนัก
เขาไม่แม้แต่จะสามารถจัดการศิษย์ใหม่ไม่กี่คนได้ นี่ทำให้เขาเสียหน้าต่อศิษย์ผู้อื่น
ศิษย์พี่คนที่หนึ่งและสองของเขาได้ล้อเขาเรื่องนี้มากกว่าครั้ง
ชายหนุ่มเดินไปยังหินที่แตกร้าวก่อนจะกลับมามีสีหน้าปกติ เขามีท่าทีเคารพยำเกรงยามที่เข้าไปภายในอาคารสีคราม
“ศิษย์น้องเฉิน ผู้อาวุโสได้ออกมาจากการปิดด่านฝึกตนแล้วและกำลังชมดอกไม้อยู่ด้านใน” ผู้คุ้มกันเอ่ยเบื้องหน้าสวน
กวานเฉินผงกศีรษะจากนั้นจึงสูดลมหายใจลึกและเดินเข้าไปด้านในสวน
ดอกไม้นับร้อยกำลังเบ่งบาน และใจกลางดอกไม้เหล่านั้นปรากฏบุรุษหล่อเหลาอายุราวๆ 20-30 ปียืนอยู่
ผู้ใดเล่าจะคิดว่าคนผู้นี้คือผู้อาวุโสที่เยาว์ที่สุดในสำนักจันทร์สลาย ไฮ่หยุน?
เหล่าผู้ที่เขาสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 200-300 ปี ไฮ่หยุนนั้นอายุเท่ากับเจ้าเมืองกว่านจวิน ทว่ากลับมีรูปลักษณ์เด็กกว่า
ไฮ่หยุนสวมใส่ชุดคลุมยาวสีขาวบริสุทธิ์และมีสองมือไพล่หลัง กวานเฉินรู้ว่าอาจารย์ของเขานั้นเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ดังนั้นแล้วเขาจึงเดินไปยังอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังและยืนห่างออกไปหนึ่งหลา
“อาจารย์ ข้าจำต้องรายงานท่านเกี่ยวกับศิษย์ของเซว่ยัน” กวานเฉินเอ่ยอย่างนบนอบ
“เซว่ยัน? เจ้าคิดหรือว่าเจ้าต้องรายงานข้าในปัญหาเล็กๆ เช่นนี้?”
น้ำเสียงของไฮ่หยุนนั้นนุ่มนวล ทว่ากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา ราวกับว่าเขากำลังมองไปยังมดปลวก
กวานเฉินพลันเอ่ยขอโทษในทันที
“ศิษย์ผู้นี้ไร้ประโยชน์และไม่อาจแม้แต่จะดูแลศิษย์สายนอกไม่กี่คนได้”
หลังจากเอ่ยเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ไม่เอ่ยสิ่งใดอีกเพราะเขารู้ว่าอาจารย์นั้นไม่แม้แต่จะเห็นศิษย์ของเจ้าเมืองกว่านจวินอยู่ในสายตา หากเขายังเอ่ยต่อก็มีเพียงแต่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจเท่านั้น
“พูด”
คิ้วของไฮ่หยุนเลิกขึ้นเล็กน้อย
“ในบรรดาศิษย์ทั้งสาม หยางชิงชั่นมีกายจิตวิญญาณระดับกลางและหนานกงฟั่นมีพรสวรรค์ที่อยู่ระหว่างกายจิตวิญญาณระดับต่ำและระดับกลาง ยังมีจ้าวเฟิงที่มีกายจิตวิญญาณระดับต่ำทว่าเขาผิดปกติอย่างมาก…”
กวานเฉินเอ่ยสรุปเกี่ยวกับศิษย์ของจ้าวเมืองกว่านจวินก่อนจะเอ่ยถึงจ้าวเฟิง ผู้ที่ต้องการความสนใจ
ในตอนแรกนั้นบุรุษในชุดสีขาวไม่ได้ขยับหรือเอ่ยสิ่งใด แต่เมื่อกวานเฉินเอ่ยว่าจ้าวเฟิงนั้นได้รับความสนใจจากรองหัวหน้าตำหนักสองคน ผู้ที่เชี่ยวชาญในการปรุงยาและค่ายกล สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
สำหรับตำแหน่งศิษย์สายนอกอันดับหนึ่งของจ้าวเฟิงนั้น ไฮ่หยุนไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
หลังจากฟังจนจบ ชายชุดขาวจึงเผยรอยยิ้ม
“ฮะฮะฮะ… นับเป็นเรื่องดีต่อสำนักจันทร์สลายหากจ้าวเฟิงนั้นมีพรสวรรค์ในด้านการปรุงยาและค่ายกลอย่างมาก”
อ๊า!
กวานเฉินนิ่งอึ้งไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่เมื่อคิดเกี่ยวกับมันแล้ว เหล่าผู้ที่เชี่ยวชาญในค่ายกลและการปรุงยามักจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้นัก โดยเฉพาะคนเช่นจ้าวเฟิงที่มีเพียงกายจิตวิญญาณระดับต่ำ มันเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กหนุ่มที่จะเดินไปได้ไกล
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งนี้ อาจารย์ของเจ้า ข้า มีแผนของข้า การทดสอบยอดนภาจะเปิดในไม่กี่เดือนนี้ เจ้าได้พลาดโอกาสคราที่แล้ว ดังนั้นเจ้าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้” ไฮ่หยุนเอ่ย
“เข้าใจแล้วขอรับ”
หัวใจของกวานเฉินกระตุก การทดสอบยอดนภานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของคนผู้หนึ่งได้ การทดสอบนี้นั้นเกี่ยวข้องกับตำหนักยอดนภาและเหล่าผู้ที่ผ่านการทดสอบล้วนได้รับรางวัลอย่างมาก
เมื่อเทียบกับการทดสอบยอดนภาแล้ว ศิษย์ของเจ้าเมืองกว่านจวินไม่อาจนับเป็นอันใดได้
กวานเฉินเต็มไปด้วยจิตต่อสู้ยามที่ออกจากส่วน ตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงแผ่วเบาของผู้เป็นอาจารย์
“เรียกเป่ยโม่ย…”
เป่ยโม่ย!
สีหน้าของความจนใจและอิจฉาได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกวานเฉิน
ตั้งแต่ที่เป่ยโม่ยกลายเป็นศิษย์ของอาจารย์ อาจารย์ก็ได้ใช้พลังและทรัพยากรไปกับคนผู้นี้อย่างมาก ในขณะที่ศิษย์คนอื่นๆ นั้นได้จืดจางลง
สำนักจันทร์สลาย บ่อพันบุปผา
จ้าวเฟิงผ่อนคลายตนเองและจมลงในบ่อน้ำ กระทั่งการหายใจก็แทบจะหยุดลง
ดวงตาซ้ายของเขาเต้นบ้างบางครั้งและได้ส่งพลังสายเลือดแปลกประหลาดที่แล่นไปทั่วร่างของเขา
ในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา วิชากำแพงเงินของเด็กหนุ่มได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของระดับเก้าเพราะเขาได้กินยาชำระไขกระดูกเข้าไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งช่วยพัฒนาร่างกายของเขาได้เป็นอย่างดี
ในตอนนี้ ร่างกายของเขาได้เข้าสู่ระดับเดียวกับโฮวหยวน แต่เป้าหมายของเด็กหนุ่มไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้
ในบ่อพันบุปผา กระดูก โลหิต และผิวหนังของเขาได้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างละเอียด และพลังภายในในจุดตันเถียนของเขาได้มีคุณภาพสูงขึ้น
“ดูเหมือนว่าบ่อพันบุปผาเองก็ได้ช่วยในเรื่องพลังภายในและปราณแท้เช่นกัน” จ้าวเฟิงคิด
พลังภายในนั้นคือพลังที่สร้างขึ้นโดยเหล่าผู้ฝึกตนในขอบเขตแห่งการรวบรวม ในขณะที่ปราณแท้นั้นถูกสร้างโดยผู้ที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณ และพลังของมันนั้นเหนือกว่าพลังภายในนับสิบเท่า
ตราบเท่าที่จ้าวเฟิงเข้าสู่ระดับสิบของวิชากำแพงเงิน เขาสามารถสร้างปราณแท้วายุเงินได้
เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เวลาทั้งวันได้ผ่านไป และคุณสมบัติร่างกายของเด็กหนุ่มได้เพิ่มขึ้นมากเสียจนเกินกว่าความสามารถของยาชำระไขกระดูก
แม้ว่าประสิทธิภาพของยาชำระไขกระดูกนั้นจะแข็งแกร่ง แต่มันไม่ได้คงอยู่นานหรือว่าลึกลับเช่นน้ำนี้
จ้าวเฟิงตระหนักได้ว่าในยามค่ำคืน ค่ายกลกลั่นจิตวิญญาณดูจะแปรเปลี่ยนไปใต้แสงจันทร์และชั้นสีเงินได้ปรากฏขึ้นในน้ำ
ธาตุของพลังลึกลับในน้ำเองก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
“ค่ายกลกลั่นจิตวิญญาณนี้ค่อนข้างลึกลับ เมื่อข้ากลายเป็นศิษย์สายใน ข้าสามารถสร้างฉบับง่ายขึ้นได้” จ้าวเฟิงคิด
แน่นอนว่าค่ายกลกลั่นจิตวิญญาณนั้นเป็นเพียงตัวช่วย บ่อพันบุปผานั้นได้ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติและได้คงอยู่มานับพันปี…
พลังในบ่อพันบุปผานั้นแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่มันส่งผลดีกว่าให้กับร่างกาย และจ้าวเฟิงยังคงสถานะ ‘แกล้งตาย’ ไว้
เขาคาดว่าเขาเพียงแค่ต้องแช่ในบ่ออีกไม่กี่ครั้งแล้ววิชากำแพงเงินของเขาจะเข้าสู่ระดับสิบ แต่ในตอนนี้เองที่เสียงจำนวนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นแม้ว่ามันจะแผ่วเบาอย่างมาก
ฟึ่บ ฟึ่บ
ร่างสองร่างได้เข้ามายังบ่อพันบุปผาผ่านทางช่องว่าง และช่องว่างที่ทั้งสองใช้คืออันเดียวกับที่เด็กหนุ่มใช้
“ศิษย์พี่หยวน เราจะถูกพบหรือไม่…?”
หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวที่มีน้ำเสียงใสกระจ่าง
“ฮ่าฮ่า บางคนในตำหนักภารกิจสำนักได้บอกข้าเกี่ยวกับช่องว่างนี้ และบ่อพันบุปผาไม่เปิดในวันนี้”
หญิงสาวอีกคนหัวเราะแผ่วเบา
หญิงสาวที่เพิ่งพูดนั้นแก่กว่าเล็กน้อย อาจอายุราวๆ 20 ปีและมีรูปร่างงดงาม
หญิงสาวด้านข้างนั้นเด็กกว่าเล็กน้อย นางมีดวงตาใสกระจ่างราวคริสตัลและรูปลักษณ์ราวกับถูกสลักออกมา
สาวงามทั้งสองเดินเข้าไปในบ่อบุปผาและกวาดตาสำรวจรอบด้าน
บ่อพันบุปผานั้นว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของผู้อื่น
“เห็นไหม? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่” ศิษย์พี่หยวนเอ่ยอย่างมั่นใจ
“อืม”
หญิงสาวขี้อายผงกศีรษะ ทว่ายังคงต่อต้านการกระทำเช่นนี้เล็กๆ
เมื่อยืนยันว่าไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ ทั้งสองจึงถอดเสื้อผ้า เผยเรือนร่างสมบูรณ์แบบออก และเริ่มทิ้งตนเองลงในน้ำ
ในขณะเดียวกันนั้น จ้าวเฟิงที่อยู่ห่างออกไปสิบหลารู้สึกได้ถึงน้ำที่สั่นกระเพื่อม เพราะว่าบ่อน้ำนั้นถูกปกป้องโดยค่ายกล น้ำจึงควรจะนิ่งสงบและไม่ขยับ แต่ในตอนนี้ น้ำกำลังกระเพื่อม หมายความว่ามีใครบางคนบุกรุกเข้ามา
จ้าวเฟิงตื่นขึ้นจากการจำศีลและมองไปยังทิศที่น้ำกระเพื่อมด้วยดวงตาซ้าย
แม้ว่าพวกเขาจะห่างกันออกไปนับสิบหลา ดวงตาซ้ายของเขาก็ยังคงเห็นได้ชัดเจน แต่ภาพต่อไปนั้นได้ทำให้ใบหน้าของเขาแดงซ่านและหัวใจเต้นรัว
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุ 14-15 และยังไม่มีประสบการณ์ใดๆ
พรวด!
จ้าวเฟิงนั้นตกใจเสียจนสำลักน้ำและลอยขึ้นไป
“นั่นผู้ใด!” ศิษย์พี่หยวนอุทานพร้อมกับที่นางได้สร้างคลื่นน้ำสูงนับสิบเมตรเพื่อปิดกั้นการมองเห็นของเขา
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ร่างทั้งสองพลันกลับไปยังชายฝั่งภายใต้การปิดบังของคลื่น และเมื่อคลื่นนั้นร่วงหล่นลง จ้าวเฟิงก็เห็นหญิงสาวสองคนในชุดของศิษย์สายใน
หนึ่งในนั้นสูงส่งงดงาม อีกหนึ่งขี้อาย
ไม่ว่าจะเทียบพวกนางกับสิ่งใด รูปลักษณ์ของทั้งสองก็นับว่าอยู่ในแนวหน้าและไม่ด้อยไปกว่าสตรีที่งดงามที่สุดในเมืองประกายอรุณแม้แต่น้อย
“ไอ้ตัวบัดซบใดกล้ากระทำการไร้ยางอายเช่นนี้!?”
ศิษย์พี่หยวนปกปิดเรือนร่างของนางอย่างหมิ่นแหม่ด้วยเสื้อผ้าขณะที่มองไปยังจ้าวเฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ
คว้างงง
จิตกดดันได้กดไปยังร่างของจ้าวเฟิงราวกับภูเขา
พลังฝึกตนของนางนั้นกระทั่งเหนือกว่ากวานเฉินที่อยู่ในนภาที่สามในขอบเขตก่อกำเนิดปราณ
สาวงามอีกคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและอับอายขณะที่นางนั้นหลบอยู่หลังศิษย์พี่ของนาง
“อย่าได้เข้าใจผิด… ข้าแค่มาฝึกตนที่นี่…” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเร่งรีบด้วยใบหน้าแดงก่ำ
สถานการณ์นี้ได้ทำให้เขาตะลึงไป
ศิษย์พี่หยวนเองก็ประหลาดใจ เด็กหนุ่มเบื้องหน้านางนั้นดูมีอายุเพียง 14-15 ปีและดูไม่คล้ายกับตัวบัดซบไร้ยางอาย
“หันหลังกลับแล้วหลับตาของเจ้าซะ” ศิษย์พี่หยวนสั่งเสียงเย็น
ภายใต้จิตกดดันอันทรงพลัง จ้าวเฟิงได้เยือกเย็นลงในไม่ช้า เด็กหนุ่มหมุนตัวพร้อมกับปิดตาลงอย่างที่ถูกสั่ง เขารู้ว่าเขาไม่มีพลังเพียงพอที่จะต่อต้าน
เมื่อหันกลับไป เขาก็ได้ยินเสียงของทั้งสองใส่เสื้อผ้า
“หันกลับมา!”
ศิษย์พี่หยวนยืนอยู่ข้างบ่อน้ำ ทว่าความเย็นชาในน้ำเสียงนั้นไม่ได้หายไป
จ้าวเฟิงหมุนตัวกลับอย่างไร้อารมณ์ หัวใจนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นใบหน้าของสาวงามทั้งสอง
ศิษย์พี่หยวนยืนอยู่เบื้องหน้า ในขณะที่หญิงสาวอีกคนยืนอยู่เบื้องหลัง โผล่มาเพียงใบหน้า
“หึ! อายุเพียงเท่านี้แต่กลับกล้าแอบมองสตรีอาบน้ำ หากเจ้าไม่เอ่ยอธิบาย วันนี้ ข้าจะลงโทษเจ้า!”
ใบหน้าของหญิงสาวนั้นเย็นชาพร้อมกับตัดสินใจที่จะข่มขู่เด็กหนุ่มเบื้องหน้านาง ทว่านางตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองนางด้วยสีหน้านิ่งอึ้ง
นางนั้นกระทั่งกราดเกรี้ยวขึ้นไปอีก คนอายุเพียงเท่านี้จะมากราคะเพียงนี้ได้เช่นไร?
ทว่านางก็ตระหนักได้ในไม่ช้าว่าจ้าวเฟิงนั้นไม่ได้มองไปยังนาง ทว่าเป็นบุคคลเบื้องหลังนาง
“เป็นเจ้า…” จ้าวเฟิงอุทานออกมาขณะที่เขามองไปยังหญิงสาวขี้อายเบื้องหลังศิษย์พี่หยวน